แอปเปิล (Apple) ประกาศเปิดตัวแอปใหม่ที่สามารถแปลเสียงและข้อความได้อัตโนมัติ ประเดิมก่อนที่ 11 ภาษาเช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีนกลาง และภาษาอาหรับ กลายเป็นอีกก้าวที่คล้ายกับแอปกูเกิลทรานสเลท (Google Translate) ซึ่งมีอายุ 14 ปีเข้าไปแล้วในปีนี้
แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดลงลึก แต่ Yael Garten ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมข้อมูล Siri ของ Apple ยืนยันระหว่างการประชุม Worldwide Developers Conference (WWDC) ประจำปีของบริษัทในปีนี้ ว่า Apple Translate เป็นแอปที่เด่นเรื่องการ “ใช้งานง่าย” สำหรับการสนทนา โดยการสาธิตชี้ว่าแอปสามารถแสดงคำแปลบนหน้าจอไอโฟน ตามคำพูดที่จับได้ในระบบ ทั้งหมดนี้ทำในระบบผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Siri ทำให้บทสนทนาระหว่างผู้พูดภาษาอังกฤษและผู้พูดภาษาสเปนสามารถเป็นไปได้ราบรื่น ผ่านการแสดงเป็นข้อความในส่วนต่าง ๆ ของหน้าจอ
Apple ชี้ว่าแอปใหม่นี้ขับเคลื่อนโดยระบบการเรียนรู้ด้วยเครื่องที่อยู่บนอุปกรณ์หรือ ”on-device machine learning” ซึ่งแทนที่ส่งข้อมูลไปยังศูนย์ข้อมูลของ Apple การแปลก็จะทำบนเครื่องไอโฟนนั้นเลย
@Apple #Translate sounds promising...#WWDC pic.twitter.com/wRCQOrG2Ez
— RWB Inc. (@IncRWB) June 22, 2020
ผู้บริหาร Apple ย้ำว่าการแปลบนอุปกรณ์นี้จะดีกว่าในเชิงความถูกต้องและความเป็นส่วนตัว เพราะไม่มีข้อมูลผู้ใช้หลุดรอดออกจากสมาร์ทโฟนในระหว่างกระบวนการแปล
วิธีนี้ถือว่าเป็นทางตรงกันข้ามกับ Google ที่แปลภาษาโดยอาศัยศูนย์ข้อมูลระบบคลาวด์สำหรับการแปล แม้ขณะนี้จะมีให้บริการแปลภาษาในโหมดออฟไลน์ ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและจำกัดการเก็บข้อมูล แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้งานแบบคลาวด์ ทำให้ Apple ชิงจุดยืนเรื่องการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่หนาแน่นกว่า
Apple Translate ยังถูกมองว่าแตกต่างจากคู่แข่งเฟซบุ๊ก (Facebook) ด้วย ซึ่งอยู่ในภาวะถูกกดดันเรื่องนโยบายการเก็บข้อมูลที่เหมาะสมเช่นกัน เบื้องต้น Apple Translate ถือเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่ Apple เปิดตัวระหว่างการอัปเดต iOS 14 ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ เยอรมัน สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี โปรตุเกส และรัสเซีย
"ในระหว่าง" - Google News
June 23, 2020 at 11:55AM
https://ift.tt/2BvAW0o
เจาะลึก Apple เปิดตัวแอป Translate แปลภาษาแข่ง Google Translate? - ผู้จัดการออนไลน์
"ในระหว่าง" - Google News
https://ift.tt/36HoaHq
Home To Blog
No comments:
Post a Comment