Pages

Sunday, July 5, 2020

ออสเตรเลียปิด “ชายแดนระหว่างรัฐ” ครั้งแรกในรอบ 100 ปี เพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 - ผู้จัดการออนไลน์

kokselama.blogspot.com


รอยเตอร์ – ชายแดนระหว่างสองรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลียจะปิดตั้งแต่วันอังคาร (7) เป็นต้นไปอย่างไม่มีกำหนด นายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรีย แดเนียล แอนดรูว์ กล่าวในวันจันทร์ (6) ภายหลังการระบาดของเชื่อไวรัสโคโรนาในรัฐของเขา

การตัดสินใจดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่ชายแดนติดรัฐนิวเซาท์เวลส์ถูกปิดในรอบ 100 ปี ทางการปิดชายแดนระหว่างสองรัฐครั้งล่าสุดในปี 1919 ในระหว่างกาแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปน

จำนวนผู้ติดเชื้อในเมลเบิร์น เมืองเอกของวิกตอเรีย เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ กระตุ้นให้ทางการต้องบังคับใช้คำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคมใน 30 เขตและสั่งปิดอาคารเคหะ 9 ตึก

เมื่อคืนนี้ รัฐวิกตอเรียรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 127 ราย การเพิ่มสูงที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มขึ้น และมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย รายแรกในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ทำให้ยอดตายทั่วประเทศอยู่ที่ 105 ราย

“นี่เป็นคำสั่งที่ชาญฉลาด และถูกเวลา เมื่อพิจารณาจากความท้าทายใหญ่หลวงที่เรากำลังเผชิญในการจัดการกับเชื้อไวรัส” แอนดรูว์ บอกผู้สื่อข่าวในเมลเบิร์นขณะที่เขาประกาศปิดชายแดน

อย่างไรก็ตาม การปิดชายแดนนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศนี้กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี

แอนดรูว์ กล่าวว่า การตัดสินใจปิดชายแดน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น มาจากการหารือกับนายกรัฐมนตรี สก๊อต มอร์ริสสัน และนายกรัฐมนตรีนิวเซาท์เวลส์ กลาดีส์ เบเลจิกเลียน ชายแดนภายในอีกแห่งหนึ่งของวิกตอเรีย ซึ่งติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ถูกปิดอยู่แล้ว

ออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเบากว่าอีกหลายประเทศมาก จนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 8,500 ราย แต่การแพร่ระบาดในเมลเบิร์นกำลังสร้างความกังวล ประเทศนี้รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 109 รายต่อวันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับเพียงวันละ 9 รายในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน


Let's block ads! (Why?)



"ในระหว่าง" - Google News
July 06, 2020 at 11:29AM
https://ift.tt/2VOPQ9c

ออสเตรเลียปิด “ชายแดนระหว่างรัฐ” ครั้งแรกในรอบ 100 ปี เพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 - ผู้จัดการออนไลน์
"ในระหว่าง" - Google News
https://ift.tt/36HoaHq
Home To Blog

No comments:

Post a Comment